ในโลกการตลาด ไม่ว่าจะออนไลน์หรือโลกความจริง หรือโลกไหนๆ คงไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการได้รู้ใจลูกค้าของคุณเอง วิชา Analytics คือการค้นพบข้อเท็จจริงจากสถิติตัวเลข และการใช้ Google Analytics ก็คือการค้นพบข้อเท็จจริงของพฤติกรรมมนุษย์ เพื่อไม่ให้คุณมาเสียเวลานั่งสุ่มเดาเอาเอง 

 

Google Analytics จะทำให้คุณได้เห็นอะไรมากมายเกี่ยวกับพฤติกรรมผู้ชมเว็บ ซึ่งอาจกลายมาเป็นลูกค้าของคุณหรือไม่ขึ้นอยู่กับความสามารถในการนำข้อมูลจาก Analytics มาใช้ การได้เห็นข้อมูลที่บางครั้งทำให้แปลกใจ กับสิ่งที่เราเคยคิด สิ่งที่เป็น common sense บางครั้งมันสวนทางกับความเป็นจริง ความจริงในรูปแบบข้อมูลตัวเลขที่คุณจะค้นพบได้จากเครื่องมือหรือซอฟแวร์อย่าง Google Analytic เท่านั้น แต่จะว่าไป มันก็ไม่ใช่เรื่องเทคนิคอะไรที่เข้าใจยาก การใช้งาน Google Analytics จะเกิดผลหรือไม่ จริงๆ ขึ้นอยู่กับการนำตัวเลขที่ได้ ไปวิเคราะห์ต่ออย่างมีหลักการเพื่อพัฒนากลยุทธ์ทางการตลาดต่อไป

 

Google Analytics

 

ในอดีต การวิเคราะห์ข้อมูลผู้ชมเว็บจะใช้มาตรวัดที่เรียกว่าจำนวนโหลดหรือ Hit Counter ถ้าพูดให้เข้าใจง่ายขึ้นหน่อยมันก็คือ ป้ายตัวเลขที่แปะอยู่ตามหน้าต่างๆ ของเว็บไซต์ เอาไว้วัดจำนวนครั้งของการโหลดในแต่ละหน้า โดยสมมติไปว่า ทุกการโหลดนั้นหมายถึงจำนวนผู้เข้าชม ซึ่งในความเป็นจริงการวัดผลข้อมูลในลักษณะนี้ถือว่ายังไม่ถูกต้องสมบูรณ์มากพอที่จะเอามาใช้อ้างอิงในการทำ Analytic ได้

 

แม้การพัฒนากระบวนการ Tracking ข้อมูลผ่าน Google Analytic จะพัฒนาไปไกล และใช้ประโยชน์ได้ครอบคลุมในหลายแง่มุม แต่ก็ยังพบว่า มีมือสมัครเล่นอีกมากมาย ที่ใช้ Google Analytics แค่ดูยอดวิว (ยอดผู้ชม) แต่มืออาชีพกลับใช้ประโยชน์จาก Google Analytics ได้ครอบคลุมครบเครื่องมากกว่านั้นมาก 

 

นักการตลาดมืออาชีพจะใช้ Google Analytics เพื่อวิเคราะห์ปรับปรุงแผนการตลาด เพื่อนำไปสู่การเพิ่มจำนวน traffic การเข้าชม เพิ่มระยะเวลาในการมีส่วนร่วมของผู้ชมในแต่ละหน้าของเว็บไซต์ และที่สำคัญที่สุดคือการกระตุ้นให้เกิดจำนวนยอดขายที่มากขึ้น

 

Google Analytics

 

เพราะฉะนั้น การจะใช้ Google Analytics ให้เกิดประโยชน์สูงสุด คุณต้องรู้จักเอาข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์ให้เป็น แล้วต่อยอดไปสู่การพัฒนาปรับปรุงให้เว็บไซต์ หรือกลวิธีทางการตลาดของตัวเองมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างเช่น เว็บไซต์ขายบ้านจัดสรรของคุณ ซึ่งมียอดผู้เยี่ยมชมเข้ามาเป็นจำนวนมาก แต่น่าแปลก ที่ผู้ชมส่วนใหญ่กลับเข้ามาแล้วรีบกดออกไปทันที (Bounce Rate% สูง) หรือใช้เวลาแช่อยู่ที่หน้าแรกหน้าเดียว แล้วไม่เกิด action ใดๆ มีเพียงส่วนน้อยที่กดเข้าไปอ่านข้อมูลในหน้าอื่นๆ ต่อ ทำให้คุณปิดการขายไม่ได้ หรือปิดได้น้อยกว่าที่คาดหวังไว้ เป็นต้น 

 

ข้อมูลเหล่านี้ ล้วนปรากฎให้เห็นได้ใน Google Analytics ทั้งสิ้น ซึ่งทั้ง % และตัวเลขเหล่านี้ ล้วนเป็นข้อมูลที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับนักการตลาด ประเด็นสำคัญคือ คุณต้องรู้จักนำข้อมูลเหล่านี้ มาตั้งคำถามกับทีมของตนเองว่า การปิดการขายผ่านเว็บไซต์ได้น้อยเป็นเพราะอะไร การทำงานของเว็บไซต์ส่วนไหนที่มีปัญหา หรือเป็นที่แคมเปญของคุณ เป็นที่เนื้อหาที่ปรากฎในเว็บไซต์ไม่น่าสนใจ หรือเป็นที่ระบบเทคนิคส่วนไหนที่ขัดข้องหรือไม่ และนำไปสู่การค้นหา Solutions ในการแก้ปัญหา หรือพัฒนาคุณภาพในการทำการตลาดของคุณให้ดียิ่งๆ ขึ้นในครั้งต่อไป 

 

ด้วยเหตุนี้ จึงกล่าวได้ว่า ข้อมูลใน Google Analytics จะถือเป็นสมบัติล้ำค่าได้ ก็ต่อเมื่อผู้ใช้นำไปวิเคราะห์จนนำไปสู่ Action Plans เพื่อการพัฒนาประสิทธิภาพการทำการตลาด มากกว่าเป็นเพียงเครื่องมือวัดผลเอาไว้ทำรีพอร์ทเพื่อนำเสนอหัวหน้างาน

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *